ดร.ศรุดา ศิริภัทรปรีชา ได้ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาครั้งสำคัญในงาน “Unlocking New Growth With Digital and AI For Import-Export” เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ณ อาคาร SCG Multipurpose building โดยได้นำเสนอวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Leveraging Digital Solutions for Supply Chain Management and Carbon Reduction” เน้นย้ำว่า การลดคาร์บอนไม่ได้เป็นเพียงภาพลักษณ์องค์กรอีกต่อไป แต่เป็น “ความจำเป็นต่อการอยู่รอด” (survival imperative) และเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์และผลกำไร (Profit & Loss) ของธุรกิจยุคใหม่
Carbon Reduction: จาก “สิ่งที่ดีที่ควรมี” สู่ “ตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริง”
ดร.ศรุดาเน้นย้ำว่า การก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero คือ TRUE GAME CHANGER และเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการแข่งขันในตลาดโลก
ท่านกล่าวว่า: “คาร์บอนไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่มันคือ ต้นทุนจริง ที่ปรากฏบนงบดุลของบริษัท การลดคาร์บอนจึงนำมาซึ่ง ความได้เปรียบทางการเงินและความสามารถในการแข่งขัน อย่างชัดเจน ”
แรงกดดันที่ผลักดันให้ธุรกิจต้องปรับตัวมี 2 ส่วนหลัก:
- แรงกดดันจากกฎหมาย (The Stick): เช่น มาตรการ CBAM (Carbon Tax)
- พลังตลาด (The Market Force): ความต้องการจากลูกค้าและคู่ค้าทั่วโลก
แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้บริหาร: การทำ Supply Chain Carbon Mapping
ดร.ศรุดาได้มอบแนวทางปฏิบัติ 3 ข้อ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถลงมือจัดการคาร์บอนในซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
- ระบุความเสี่ยง (Identifying the Risks): ค้นหา High Emitters (เช่น โรงงานเหล็ก, เคมีภัณฑ์) และ Data Black Holes (ซัพพลายเออร์ที่ไม่มีข้อมูลคาร์บอน)
- ค้นหาช่องว่างข้อมูล (Finding the Gaps): โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Scope 3 Upstream ในส่วนของวัตถุดิบและซัพพลายเออร์ระดับ Tier 2-3 ซึ่งเป็นช่องว่างที่ลึกที่สุด
- กำหนดจุดปฏิบัติการ (Pinpointing the Action): เน้นจัดการที่ Carbon Hotspots หรือ 20% ของกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซถึง 80% เช่น การเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบ คาร์บอนต่ำ หรือการทำโครงการร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อ ประหยัดพลังงาน (Win-Win)
การเสวนาครั้งนี้ตอกย้ำว่า การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ากับการจัดการซัพพลายเชนและการลดคาร์บอน จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับธุรกิจส่งออกและนำเข้าของไทยในเวทีโลกอย่างแท้จริง